SAAB 9-3 Sport Sedan ยังน่าใช้อยู่ไหม

SAAB 9-3 Sport Sedan ยังน่าใช้อยู่ไหม 

รถยุโรปหลายยี่ห้อในบ้านเรานั้น ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นักในเรื่องของราคาขายต่อ สิ่งหนึ่งก็คงเป็นเพราะว่าไม่ใช่รถตลาด ที่คนทั่วไปซึ่งมีรายได้จำกัดนั้นจะหาซื้อมาใช้กัน ส่วนคนมีตังเยอะเองก็มักจะเลือกเล่นกับรถป้ายแดงมากกว่ามือสอง ทำให้ค่าตัวของบางยี่ห้อเมื่อเป็นรถเก่าแล้วตกลงไป ไม่รวมถึงเรื่องของปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลอย่างยิ่งกับการตั้งราคารถมือสอง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาของรถ ปัญหาเรื่องศูนย์บริการ เรื่องราคาอะไหล่ และอีกจิปาถะ แล้ว SAAB 9-3 Sport Sedan ที่เราพูดถึงล่ะ ยังน่าใช้อยู่ไหม

สำหรับรถยุโรปที่ฮิตติดชาร์จนั้นก็มีหลายยี่ห้อคงไม่ต้องพูดถึงกันครับว่ายี่ห้อไหนบ้าง สำหรับรถยนต์ของ SAAB นั้นก็ถือว่าเข้ามาทำตลาดในบ้านเราได้ระยะหนึ่ง อาจจะไม่ยาวนานเหมือนกับ เบนซ์ หรือว่า บีเอ็มดับเบิ้ลยูแต่ SAAB ก็ได้มีการพัฒนารูปแบบให้มีความน่าใช้ในหลายๆ รุ่น สำหรับตัวที่เราจับมาเป็นมือสองแนะนำกันในหน้ากระดาษนี้ก็คือ SAAB 9-3 Sport Sedan แต่ก็ออกมาให้เห็นกันราวยี่สิบปีแล้ว

ซึ่งอนุกรมนี้ก็ยังสามารถแยกรุ่นออกไปได้อีกหลายตัว แยกได้ตามเครื่องยนต์ ซึ่งที่บ้านเราขายกันอยู่ก็จะเน้นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเท่านั้น ซึ่งก็ยังสามารถ ซอยออกได้อีก ตามรหัสหลังรถซึ่งถ้าเป็นตัว “t” (ทีเล็ก) ก็จะเป็นเครื่องยนต์ไลท์เทอร์โบ แต่ถ้าเป็น “T” (ทีใหญ่) ก็จะเป็นรุ่นเทอร์โบเต็มรูปแบบ ราคาตอนเปิดตัวเมื่อประมาณยี่สิบปีก่อนนั้นเริ่มกันตั้งแต่ สองล้านต้นๆ ไปจนถึงสองล้านปลายๆ

   

ออกแบบดี โครงสร้างแข็งแกร่ง

ในส่วนของตัวรถ การออกแบบ SAAB 9-3 Sport Sedan นั้นเราคงต้องยอมรับว่ามีความพิถีพิถัน และเก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้ดี ซึ่งถ้าใครที่ชื่นชอบรถในรูปแบบของสปอร์ตซีดาน ก็คงจะไม่ผิดหวัง โครงสร้างจะเป็นแบบนิรภัยยุบตัวซับแรงกระแทกเพื่อลดความแรงจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ยังมีคานเหล็กขวางที่บานประตูเพื่อป้องกันการกระแทกจากด้านข้างอีกด้วย ซึ่งทาง SAAB เองเขาก็ออกมาบอกว่า โครงสร้างในตัว 9-3 ใหม่นี้ถือว่าเป็นโครงสร้างที่แข็งแกร่งสุดเท่าที่ SAAB เคยผลิตมา

กันชนหน้าและหลังนั้นยังออกแบบให้สามารถ “คืนตัว” ได้ในกรณีที่มีการชนขึ้นในขณะความเร็วไม่เกิน 8 กม./ชม. ร่วมด้วยกล่องกันชนบริเวณกันชนหน้าลดความเสียหายกับตัวถังในกรณีชนความเร็วไม่เกิน 15 กม./ชม. ฝากระโปรงหน้าโหนกนูน กระจังหน้าแม้สไตล์ ที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของ SAAB ชุดไฟหน้าแบบ Xenon ลำแสงส่องสว่าง ออกแบบโดยบริษัท Hella นอกจากนี้ยังเสริมความเป็นสปอร์ตไว้ด้วยชุดแต่งรอบคันในรุ่นตัวแรงที่มี X ต่อท้าย ไฟตัดหมอก คิ้วกันกระแทก ฯลฯ

เครื่องยนต์ 150 และ 175 ม้า

ในส่วนของเครื่องยนต์ที่ฝังอยู่ใต้ฝากระโปรง SAAB 9-3 Sport Sedan มีเพียงบล็อกเดียว ขนาดเดียว แต่ว่าแยกความแรงออกเป็น 2 ระดับ ตามพลังในการบูสท์ของเทอร์โบ ซึ่ง โดยพื้นฐานของเครื่องยนต์ที่ใช้นั่นจะเป็นเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแค็มชาฟท์ (DOHC) ปริมาตรความจุกระบอกสูบสุทธิได้ 1,988 ซีซี. ซึ่งเป็นพื้นฐานของเครื่องยนต์ก่อนที่จะมาสร้างความแตกต่างด้วยเทอร์โบโรงงาน ซึ่งเลือกเล่นกับของ “Garrett” รุ่น “GT 20” ซึ่งเจ้าระบบอัดอากาศนี้ก็จะเซ็ตบูสท์ให้ออกมา 2 ระดับคือในรุ่นเทอร์โบแรงดันต่ำ (LPT) ทำบูสท์มาตรฐานได้ทั้งหมด 0.5 บาร์ (ประมาณ 7 ปอนด์) สร้างกำลังใช้งานได้ 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่วนแรงบิดที่ทำออกมาได้นั้นคือ 240 นิวตัน-เมตร ที่รอบต่ำเพียง 2,500 รอบ/นาที ในส่วนของเครื่องยนต์ตัวแรงเทอร์โบปรับบูสท์เพิ่มมาเป็น 0.75 บาร์ หรือประมาณ 10 ปอนด์นิดๆ สร้างม้าเพิ่มขึ้นเป็น 175 ตัว ที่ รอบเท่ากัน พร้อมแรงบิดสูงสุด 265 นิวตัน-เมตร ที่รอบเครื่องเดียวกัน

การตกแต่งภายในของ SAAB 9-3 Sport Sedan จะแต่งสปอร์ตพร้อมอุปกรณ์พอตัว ไม่หรูหรามากนัก อุปกรณ์มาตรฐานบนแผงคอนโซลกลางโทนสีดำนั้นก็จะมีชุดเครื่องเล่น วิทยุ-ซีดี. และลำโพงรอบทิศทาง แอร์คอนดิชั่นปรับตั้งอุณหภูมิอัตโนมัติ แยกส่วนซ้าย-ขวา โดยแผงคอนโซลหน้าที่ว่านี้จะทำองศาอียงไปด้านคนขับมากเป็นพิเศษเพื่อการปรับที่สะดวกสบายเมื่อไปไหนมาไหนคนเดียว ในส่วนของเครื่องเสียงนั้นก็จะสามารถควบคุมได้จากแป้นพวงมาลัย ส่วนด้านท้ายก็จะมีชุดแอร์แยกสำหรับผู้โดยสารหลัง ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีถุงลมนิรภัย ที่สามารถปรับระดับการพองตัวได้ (Adaptive Airbag) ซึ่งจะคำนวณการพองตัวให้เหมาะสม โดยจะใช้เซ็นเซอร์ในการตรวจวัดการทำงานของระบบเข็มขัดนิรภัยที่ปรับแต่งขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับการทำงานของถุงลม  โดยถุงลมนิรภัยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 จุด คือด้านหน้าของคนขับและผู้โดยสาร 2 จุด, กันศีรษะกระแทกกระจกคู่หน้าอีก 2 จุด, กันกระแทกด้านข้างของผู้โดยสารตอนหน้า 2 จุด และ กันกระแทกด้านข้างสำหรับผู้โดยสารตอนหลังอีก 2 จุด นอกจากนี้ที่เบาะนั่งยังใช้หมอนรองศีรษะแบบ “Saab Active Head Restraint” หรือ (SAHR) มาให้ซึ่งจะเห็นทั้งใน 9-3 และ 9-5 ทุกรุ่น

ขับดีแต่มีปัญหาเยอะ

SAAB 9-3 Sport Sedan ช่วงล่างด้านหน้าจะเลือกใช้แม็คเฟอร์สันสตรัท ซึ่งจะมีปีกนกล่างรูปตัว “A” ติดตั้งอยู่บนซับเฟรม พร้อมกับมีบุชยางรองรับด้านข้างเพื่อให้การรองรับนั้นนุ่มนวลมากยิ่งขึ้น นอกจกนี้ก็มีโช้คอับแก๊ส พร้อมเหล็กกันโคลงเข้ามาช่วยอีกแรง ส่วนด้านหลังจะเป็นอิสระ Four – Link ซึ่งจะเป็นแขนยึดควบคุมการรับแรงในแนวต่างเพื่อสร้างความนุ่นนวลในการขับขี่

ระบบส่งกำลังเป็นรูปแบบของ เครื่องยนต์วางหน้าขับหน้า ซึ่งในเมืองไทยจะนำเข้ามาจำหน่ายเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะเท่านั้น ระบบพวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยนพร้อมเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงสามารถปรับระดับได้ตามสรีระของผู้ขับ ระบบเบรคจะใช้ระบบเบรคอิเล็คทรอนิคส์กระจายน้ำหนักให้สมดุลในทุกช่วงจังหวะที่เท้ากดลงไปยังแป้นเบรค เรียกว่าระบบ “EBD” (Electronic Brake-force Distribution) ร่วมด้วยระบบป้องกันล้อล็อคตาย “ABS” ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน  เบรคทั้งด้านหน้าและด้านหลังนั้นจะเป็นดิสค์ทั้งหมด

การขับขี่รุ่นนี้ถือว่าดีตามสไตล์รถยุโรป อาจไม่เทียบเท่ารุ่นพี่อย่างตัว SAAB 95 แต่ปัญหาน้อยกว่า เนื่องจากเป็นรุ่นเล็ก มีเรื่องจุกจิกให้เห็นทั้งช่วงล่าง และเครื่องยนต์ หาอู่ที่เชี่ยวชาญยากหน่อย ส่วนอะไหล่ก็้ป็นเรื่องปกติที่รถขายน้อยอะไหล่หายาก ตัวแทนจำหน่ายอย่าง ออโต้เทคนิค ก็โบกมือลาไปแล้ว คงต้องพึ่งอะไหล่มือสองหรือไปก็หาแถววรจักร บางอย่างพอมีแต่บางอย่างต้องนำเข้า

 อย่างไรก็ตามในภาพรวมแล้วซาปเองก็ถือว่ามีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบความเป็นสปอร์ต และรูปแบบของรถอยู่พอควร ซึ่ง ตัว 9-3 ซีดาน รุ่นนี้จะหาซื้อยากซักหน่อยเนื่องจากเป็นรถที่ออกมาน้อย และไม่ได้รับความนิยม ดูแลไม่ถึงรถเสียหายไปตามกาลเวลา ราคาค่าตัวของรถยี่สิบปีเดี๋ยวนี้ไม่ถึงแสน แต่ก็หาไม่ง่ายครับ